วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

[TH]พิเศษ : อากิโมโตะ ยาสุชิ ว่าด้วยเพลงสเตจและอนาคตของSKE48 - ชูคังเพลย์บอยSKE

แปลมาแบบสรุปๆ-ผสมกับแปลเต็มๆนะคะ มีแต่ส่วนสุดท้ายที่แปลเต็มๆ



 

——


Team S 1st stage 「Party ga Hajimaruyo」

อ. - เลือกมาให้เล่นเพราะเป็นสเตจที่มีระดับความยากน้อยที่สุด ถึงตอนนี้HKTจะเริ่มด้วย Te wo tsunaginagaraและNMBเริ่มด้วยDareka no Tameniก็เถอะ

Q - คุณคิดนานไหมกว่าจะหาใครสืบทอดตำแหน่งคู่นั่นได้

อ - แน่นอน ประมาณว่า "ตำแหน่งของมาเอดะ อัตสึโกะก็ให้เป็นของมัตสึอิ จูรินะ"
หรือ "มิเอโกะหรือไม่ก็เดกุจิที่เสียงดีก็ให้เล่น Anata to Christmasไป" แต่สุดท้ายดันออกมาแตกต่างจากPartyของทีมAกับทีมKอย่างคนละขั้ว


Q - หลังจากเล่นรีไววัลสเตจแล้วคุณก็มอบสเตจที่ทุกวันนี้ถูกขนานนามว่า"สเตจเทพ(คามิโคเอ็น)"ให้ทีมS
Team S 2nd [Te wo Tsunaginagara] คุณมี"ความคาดหวัง"อะไรไหมตอนที่สร้างมันขึ้นมา?

อ - ตอนแรกพวกเค้าเป็น "หุ่นจำลอง1:1"ตอนนั้นAKB48เริ่มขายดีขึ้นมาแล้ว
เพราะวงเริ่มจะถึงขั้นมืออาชีพขึ้นมา เพราะแบบนั้นผมก็เลยให้ทีมSแสดงเพลงที่จะเข้าถึงกลุ่มคนดูได้
นี่ก็เป็นสาเหตุที่มีเพลงเกี่ยวกับโรงเรียนอยู่เยอะ

Q - เพลงหลักของสเตจนี้ก็เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันใช่ไหม? เนื้อเพลงประมาณ
"มากุมมือกับเหล่าเพื่อนพ้องที่เพิ่งได้พบกันที่โรงเรียนและก้าวไปข้างหน้าด้วยกันเถอะ"

อ - ในทีมที่มีทั้งเด็กที่เรียนรู้ได้เร็วและบางคนเรียนรู้ได้ช้า แต่พวกเค้าต้องก้าวหน้าไปพร้อมๆกัน
ถึงแม้จะมีบางคนที่เหมือนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
"เราจะไม่ปล่อยให้ใครหลุดออกนอกทางไป อยากจะให้พวกเราเดินหน้าไปด้วยกัน"
นี่เป็นความหวังที่ผมอยากจะแฝงลงไปในเพลงสเตจนี้
ยังไงก็ตาม ทีมทีมหนึ่งคือกลุ่มคนที่ถูกโชคชะตานำพามาพบกัน ผมคิดว่าความรักในทีมของทีมSนั้น
"Te wo Tsunaginagara"(เพราะมือนั้นเกาะกุมกันไว้ : ชื่อเพลงหลักของเสตจ) คือวลีที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่จะถ่ายทอดความรู้สึกดังกล่าวออกมาเป็นรูปร่าง" ผมสร้างสเตจทั้งสเตจขึ้นมาโดยมีพื้นฐานมาจากความรู้สึกนี้

Q - เพลงยูนิตทุกเพลงก็เป็น"เพลงเทพ"เหมือนกัน

อ - มัตสึอิ จูรินะเริ่มเปล่งประกายในฐานะเอสแล้ว ผมต้องการเพลงที่จะแสดงความสามารถในฐานะนักเต้นของเธอออกมา
เพราะแบบนั้นผมถึงเลือก "Glory Days" สำหรับยางามิ(คุมิ) ทาคาอิ(สึกินะ) โมริ(ซายูกิ)ที่มีความเป็นไอดอลสูง ผมเลยเลือกเพลงที่ดูเป็นสไตล์ไอดอลทั่วไปอย่าง "Wimbledon he Tsureteitte"
ต่อจากนั้นผมก็แต่ง"Ame no Pianist"ขึ้นมาเพราะผมอยากสัมผัสถึง"ความพิเศษ"ในตัวมัตสึอิ เรนะ
ผมอยากจะดึงความสามารถในฐานะนักแสดงของเธอออกมา
(TL note : อากิพีมอบบทเกกิคาระให้เรนะเพราะถูกใจเรนะในเพลงเปียนิสต์ด้วย)

(..ข้าม..) ผมปรับเปลี่ยนท่อนดนตรีคั่นเพื่อที่เธอจะได้แสดงความสุดยอดของเธอออกมาให้เห็น

แปลสรุปๆ
- อากิพีรู้ว่า Innocence จะต้องดังแน่ๆ แต่คาดไม่ถึงว่า Romance Rocket จะได้รับความนิยมด้วย
- เพลงสุดท้าย Tooku ni Ite mo ต้องการสื่อว่าถึงแม้เมมเบอร์บางคนจะขาดหายไป อาจจะเป็นเพราะเค้าต้องไปโตเกียวหรือไปที่อื่น หัวใจของเมมเบอร์ทุกคนจะยังเป็นหนึ่งเดียว


Team S 3rd stage [Seifuku no me] คือคำเดียวว่า "ศักยภาพ"
"สเตจนี้ดึงศักยภาพทั้งหมดที่แฝงอยู่ในชุดยูนิฟอร์มนั่นออกมา ศักยภาพของSในฐานะทีม"
- "ยกตัวอย่างเช่นเพลงยูนิตของมัตสึอิ จูรินะ "Omoide Ijou/มากยิ่งกว่าความรู้สึก"
ถ้าจะมีใครที่มีศักยภาพพอที่จะไปถึงจุดนั้น จุดที่เหนือล้ำกว่าความรู้สึก ก็คงต้องเป็นเด็กสาวคนนี้แหละ
- [Okami to Pride] เพลงนี้ให้คุมิเพราะตอน Wimbledon เธอน่ารักมาก
- อากิพีคิดว่า Romance Rocket กับ Onnanoka no Dairokukan เป็นเพลงธรรมดาๆตอนเขียนมันขึ้นมา
- [Pinocchio Gun] เป็นเพลงที่มีแต่SKE48เท่านั้นที่จะแสดงได้ "ทั้งดูติ๊งต๊องและบ้าคลั่ง"น่ะ


Team KII Setlist. 1st stage 「Aitakatta」.

 อ - สำหรับผม สเตจคือที่ที่จะฉายสปอทไลท์สาดส่องไปยังเด็กๆ สำหรับAKB48ผมเขียน Nagisa no CHERRYขึ้นมาเพื่อดึงมาเอดะ อัตสึโกะออกมาในฐานะ"สตาร์"
ต่อมาผมก็คิดว่า "ใครจะได้ตำแหน่งของมาเอดะดีล่ะ?"อะไรประมาณนี้ ผมตัดสินใจด้วยการปรึกษากับสตาฟครับ

Q - คุณดำเนินการแบบ "ถ้าให้ตำแหน่งนั้นกับเด็กคนนี้แล้วเด็กคนนี้จะเติบโตไปในแนวทางนั้น"โดยมีเป้าหมายชัดเจนในใจไหม?

อ - ไม่ล่ะ ไม่ใช่แบบนั้น ยกตัวอย่างนะ จินตนาการดูว่าคุณมีเมล็ดข้าวโพดอยู่มากมาย
และนำมันลงไปคั่วบนกระทะที่เรียกว่า"สเตจ" สิ่งที่ผมทำก็แค่เฝ้ามองว่า "โอ้ เมล็ดนั้นแตกออกมาแล้วเหรอ?" "ตรงนู้นก็แตกแล้วเหมือนกัน" 
ตอนแรกผมไม่มีเป้าหมายอะไรชัดเจนหรอกเพราะแบบนั้นถ้าเกิดผมทำผิดพลาดขึ้นมา ผมก็จะเฝ้ามองผลลัพธ์ว่า"สิ่งใด"กันที่จะปรากฏออกมาให้เห็นในภายหลัง


Team KII 2nd stage 「Te wo Tsunaginagara」(คนสัมภาษณ์เรียกสเตจนี้ว่า "จิตวิญญาณของSKE")

สรุป
- "มันยากนะที่จะให้ทีมต่างทีมในวงเดียวกันแสดงเสตจเดียวกัน มันเป็นมาตั้งแต่ที่การแข่งขันระหว่างทีมAและทีมKเข้มข้นขึ้นแล้ว
คำถามว่า"ใครจะได้ตำแหน่งมาเอดะ" "ตำแหน่งโคจิมะนี่ใคร"จะถูกหลีกเลี่ยงไปไม่ได้เลย"

- "แน่นอนว่ามุไคดะ(มานัทสึ) ที่ได้ตำแหน่งเดียวกันกับมัตสึอิ จูรินะก็ถูกเปรียบเทียบกับจูรินะมามากเหมือนกัน"
- อิมเมจของมุไคดะแตกต่างจากจูรินะ การที่เธอเติบโตขึ้นโดยที่ถูกเปรียบเทียบกับจูรินะตลอดเวลาต้องลำบากมามากแน่ๆ
- อากิพีนึกขึ้นมาได้ว่าให้เล่นสเตจนี้นานเกินไปแล้วและจำได้ว่าอาคาเนะขอร้องเขาโดยตรงระหว่างการเลือกตั้งปี2011ว่าต้องการออริจินัลสเตจ




Team KII 3rd stage 「Ramune no Nomikata」

สรุป
- ส่วนที่ยากที่สุดในการแต่งเพลงสเตจคือการเลือกเพลงมาให้เหลือแค่16เพลง
- "ผมต้องเลือกออกมาจากเพลงนับพันเพลงที่เอาไว้ใช้สำหรับซิงเกิลและคิดว่าเพลงไหนที่เหมาะสำหรับสเตจ สุดท้ายก็เลือกออกมาได้ประมาณร้อยเพลง หลังจากนั้นก็คิดลำดับและจัดสรรเพลง เมื่อทำเสร็จทั้งหมดแล้ว ผมจึงเริ่มเขียนเนื้อร้อง"
- "บางทีผมก็เปลี่ยนลำดับเพลงไปขึ้นอยู่กับเนื้อเพลงที่ผมแต่งขึ้นมา
แน่นอนว่าระหว่างแต่งก็นึกถึงตัวเมมเบอร์ไปด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือการทำให้ทั้งสเตจออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด
การที่จะทำแบบนั้นได้ก่อนที่จะใส่เนื้อร้องลงไปอาจจะเป็นส่วนที่ยากที่สุดเลย"
- ตัวอย่าง ตอนแรก Wimbledon จะอยู่เป็นเพลงที่3และเกือบจะใส่Disco Hokenshitsuลงไปด้วย
- "ผมเลือกฮาตะ(ซาวาโกะ)เล่นเพลง Kodoku na Ballerina หลังจากเห็นการเต้นของเธอในเดโม่เทป
 - Akushu no Ai มาในแนวเดียวกับ Theater no Megami กับ Shonichi ของทีมB
: ในความเป็นจริงนั้นออกจะนามธรรมแต่ก็เป็น"คอนเซปท์"ที่สำคัญ  ข้อความจากอากิพีอยากสื่อถึงอาคาเนะและเมมเบอร์KIIทุกคนที่อากิพีคิดว่า"เคร่งเครียดเกินไปหรือเปล่า"คือ

 [อย่าเคร่งเครียดให้มากนักเลยนะ ถ้าไม่มองไปข้างหน้ายาวๆจะทำให้ตัวเองเหนื่อยมากไปซะเปล่านะ]



Team E 1st 「Pajama Drive」 (เพิ่งเล่นสเตจสุดท้ายไปเมื่อเดือนนึงก่อนจะออกสัมภาษณ์).

อ - พูดจริงๆคือทีมEยังไม่ค่อยถึงขั้นเท่าไหร่ แต่ก็เป็นคอนเซปท์ของAKB48เหมือนกันที่จะแสดงให้เห็นพัฒนาการไปเรื่อยๆ
Q - แต่Pajama Driveนี่เป็นสเตจที่ยากมากเลยไม่ใช่เหรอ?
อ - แต่ก็เป็นสเตจที่เหมาะกับไอดอลเหมือนกัน เพราะแบบนั้นถึงน่าสนใจใช่ไหมล่ะ?
มีทั้งเพลงน่ารักๆอย่าง Gokigen Naname na Mermaid หรือ  Hissatsu Teleport และเพลงเครียดอย่าง Inochi no Tsukaimichi ผมรอดูว่าทีมEจะจัดการความแตกต่างนี้ยังไง


อนาคตของSKE48


Q - ตอนนี้Team E1st stageก็เพิ่งจบลงไป พวกเราอยากเห็นสเตจใหม่ของทีมSเหมือนกัน

เพราะแบบนั้นก็เลยอยากจะพูดคุยเรื่องอนาคตของSKE48กับคุณถ้าเป็นไปได้..

อ - สำหรับออริจิยัลสเตจ ตอนนี้ผมเขียนสเตจทีมNให้NMB48อยู่
ต่อไปก็น่าจะเป็น...ทีมSมั้งนะ ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่

Q - พวกเราจะรอนะ(หัวเราะ) มากไปกว่านั้นระหว่างคอนเสิร์ทSSAในเดือนมีนาคม
ได้มีการประกาศให้มัตสึอิ จูรินะและวาตานาเบะ มิยูกิ ควบทีมชั่วคราวกับทีมKและทีมB
ซึ่งได้รับเสียงตอบรับที่หลากหลายมากจากแฟนๆ อย่างเช่นบางคนก็บอกว่า "พวกเค้ามาจากคนละวงกันนะ แล้วทำไมถึงมีการยืมตัว?"เป็นต้น


อ - แต่ยังไงทุกคนก็อยู่ในกรุ๊ปกรุ๊ปใหญ่กรุ๊ปเดียวอยู่ดีนะ SKE48 NMB48 HKT48ก็เช่นกัน
ถ้าวงเหล่านี้มีอายุ6-7ปี ผมเชื่อว่าพวกเค้าก็จะมีความนิยมอยู่ในระดับเดียวกันกับAKB48
แต่กระบวนการนั้นมันต้องใช้เวลา นั่นแหละทำให้ผมเลือกเมมเบอร์จางวงน้องมา แฟนๆจะได้รู้สึกประมาณว่า"เด็กคนนั้นน่ารักจัง วาตานาเบะ มิยูกิสินะ?" ไม่ก็ "นั่น มัตสึอิ จูรินะ!?"
และจากจุดนั้นเค้าก็จะเริ่มสนใจในNMB48และSKE48


Q - เหมือนตอนOogoe Diamondที่คุณให้มัตสึอิ จูรินะเป็นดับเบิ้ลเซนเตอร์คู่กับมาเอดะ อัตสึโกะ
นั่นทำให้สาธารณชนเริ่มคุ้นชื่อSKE48ขึ้นมาเลยใช่ไหม?


อ - ตอนนั้นแฟนๆAKB48ตอบรับแบบว่า "เอ๋!?" แต่ผมคิดว่านั่นเป็นจุดกระตุ้นทั้งกรุ๊ปโดยรวมเลยล่ะ
อย่างจูรินะกับวาตานาเบะที่ควบสองตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ก็เป็นการเตรียมการที่สำคัญต่อจูรินะและมิลกี้ในอนาคต
เพราะทุกคนย่อมมีโอกาส และก็ยังเป็นตัวกระตุ้นให้ทีมSและทีมNได้เช่นกัน

Q - หลังจากการประกาศที่SSA คุณโพสท์ข้อความชวนตะลึงลงGoogle+ว่า "ถ้าการตัดสินใจครั้งนี้ผิดพลาด ผมจะลาออกจากการเป็นโปรดิวเซอร์ของSKE48และNMB48"

อ - ...แต่ผมคิดอยู่นะว่า "ถ้าเลิกเป็นโปรดิวเซอร์ให้พวกเค้า ก็จะทำให้วงน้องมีอิสระในการบริหารของตัวเองซะที ไม่ใช่เหรอ?"


Q - เอ๋!? จริงเหรอ!? อย่าทิ้งพวกเค้าไปเลยนะ!

อ - ไม่ๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมจะบอก ผมรวมเอาเมมเบอร์วงน้องไว้ในเซนบัตสึของAKB48 ผมให้วงน้องมาร่วมเล่นMajisuka Gakuen
แต่มันจะดีกว่าไม่ใช่เหรอถ้าพวกเค้ามีเอกภาพในตัวเอง อย่างถ้าเกิดมีโปรดิวเซอร์คนอื่นที่จะมาโปรดิวซ์SKE48และNMB48
ผมว่าแบบนั้นก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะ


Q - ไม่มีใครรู้ว่าอากิโมโตะเซนเซย์เอาจริงแค่ไหน....แต่ที่แน่นอนคือทั้งSKE48 NMB48 และ AKB48 กำลังก้าวไปสู่ยุคใหม่ บทที่2แห่งประวัติศาสตร์ แล้วSKE48จะเป็นอย่างไรต่อไปในAKB48กรุ๊ปกันนะ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ก็ขอตั้งหน้าตั้งตารอคอยอยู่แน่นอน!




 ——



แด่ ยูนิตที่เจ๋งที่สุดในโลก



กบฏชุดนักเรียน

 ชินทีมS♥




วันจันทร์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

[TH] "เพราะมีเธออยู่ตรงนั้น" ชิโนดะ มาริโกะ

 สัมภาษณ์เก่าเมื่อ2-3ปีที่แล้วค่ะ ขุดมาแปลเพราะ....เฮ้อ ฮือ ;A;


---------



  "ความใจดีอันไร้เหตุผล"ที่ฉันได้รับมาจากคุณแม่

 มีคนบอกฉันตลอดว่าฉันเป็นคนเข้ากับคนง่ายแต่ในขณะเดียวกัน
เรื่องอย่าง ควรจะเริ่มต้นบทสนทนายังไงดีนะ?หรือควรจะทำอะไรแบบไหนกับใครดี
ฉันไม่ถนัดเรื่องพวกนี้จริงๆค่ะ แต่ด้วยสาเหตุบางอย่างก็รู้สึกขึ้นมาว่าฉันต้องเปลี่ยนตัวเอง


เมื่อ2ปีก่อน มัตสึอิ จูรินะ ที่เพิ่งออดิชั่นSKE48ผ่าน ได้รับเลือกเป็นเซนเตอร์ของAKBในซิงเกิล Oogoe Diamond

แต่ในตอนนั้นเธอเป็นเพียงแค่เด็กวัยประถม11ขวบ คาดไม่ถึงจริงๆ เธอต้องเดินทางไปมาจากนาโกย่าไปโตเกียว
ต้องมายืนอยู่หน้าสุดของเมมเบอร์คนอื่นๆที่ทั้งอายุเยอะกว่าและมีประสบการณ์มากกว่า
ถึงทุกๆคนจะไม่ได้ดูแลเธอไม่ดีแต่ก็ยังคงโดดเดี่ยวจากทุกคนอยู่ในตอนแรก
เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเจ็บปวดแทนขึ้นมาและอยากจะทำอะไรซักอย่างเพื่อเธอ
เพราะฉันเข้าใจดีถึงความรู้สึกเจ็บปวดที่เข้าวงมาคนละเวลากับคนอื่นดี

ตอนที่ฉันเข้ามาในAKB เวลาผ่านมาเกินเดือนครึ่งแล้วที่อัจจัง ทากามินะ และคนที่เหลือเดบิวท์ไป
ถึงจะได้ชื่อว่าเป็นเมมเบอร์รุ่นแรกแต่มันก็ลำบากมากจริงๆเพราะฉันเข้ามาทีหลังคนอื่นเขานี่

แรกเข้านั้นรู้สึกเหมือนมีกำแพงกั้นระหว่างฉันกับเมมเบอร์รุ่นแรกแต่ละคนอยู่ตลอดเวลา ถึงกับรู้สึกว่าไม่มีที่ยืนแม้แต่ในห้องแต่งตัว

แต่ฉันก็เข้าใจดีว่าทำไมทุกคนถึงทำแบบนั้น หลังจากการออดิชั่นครั้งแรกจบลง ทุกคนก็ทุลักทุเลสร้างทีมขึ้นมาจากที่ไม่มีอะไรเลยและในที่สุดก็ได้ขึ้นไปยืนบนเวทีจนได้

แล้วอยู่ๆฉันก็โผล่มา แน่นอนว่าพวกเค้าต้องคิดว่า"ยัยนี่เข้าAKBมาได้ยังไง?"
ฉันก็สงสัยเหมือนกันว่าทำไมฉันถึงได้เป็นคนเดียวที่มาทีหลัง...
ตอนนั้นฉันเหงามากๆและจูรินะก็อาจจะกำลังสัมผัสประสบการณ์เดียวกับที่ฉันเคยสัมผัส

แต่จูรินะไม่ใช่ฉันนี่นา ถ้าไปทักแล้วเกิดถูกคิดว่าเป็นคนประหลาดขึ้นมาฉันอาจจะถูกเกลียดก็ได้
และมากไปกว่านั้น จูรินะไม่จำเป็นต้องตอบรับฉันซะหน่อย

ในขณะที่กำลังลังเลอยู่ ฉันก็นึกถึงคำพูดของคุณแม่ขึ้นมา

"ถ้าจะทำอะไรเพราะอยากได้สิ่งตอบแทนก็อย่าทำเลยจะดีกว่า"

แม่ฉันคอยดูแลเด็กๆและคนแก่ในละแวกบ้านมาเป็นเวลานานแล้ว
เธอชอบดูแลคนอื่นมาก ทุกๆคืนก่อนคุณพ่อเข้านอน แม่จะคอยนวดคลายเครียดให้คุณพ่อทั้งตัว
เวลาตื่นเธอก็จะเป็นคนแรกที่ตื่นมาเตรียมข้าวเช้าให้ครอบครัว
เมื่อไม่กี่วันก่อนเธอก็มาถึงโตเกียวจากฟุกุโอกะ และทำอาหารที่ฉันชอบมาให้
พอมองดูดีๆเธอใส่ผักไปเยอะเลยเพราะเป็นห่วงว่าฉันจะดูแลตัวเองไม่ดีเพราะมาอยู่คนเดียว

คุณแม่ไม่เคยร้องขออะไรตอบแทน ในขณะที่ตอนประถมฉันจะเป็นเด็กที่คอยพูดว่า "ฉันทำอะไรให้xxจังไปตั้งเยอะ ทำไมเธอไม่เห็นเข้าใจเลย!?"

วันหนึ่ง คุณแม่ก็มาบอกกับฉันว่า "ถ้าเราทำอะไรเพราะหวังอะไรตอบแทน ก็หยุดซะดีกว่า เวลาเราใจดีกับใครไม่ใช่การที่เราหวังผลประโยชน์เพื่อตัวเอง แต่เพื่อประโยชน์ของคนคนนั้น ขอให้มีความคิดว่าเราทำเพราะอยากทำจริงๆเถอะ"

เหมือนกับว่าคำพูดเหล่านั้นคอยผลักดันฉัน ฉันเข้าไปบอกกับจูรินะว่า

"ดีใจนะที่เธอมา จูรินะ" ราวกับว่าฉันต้องการบอกคำนี้กับตัวเองตอนที่เข้าAKBมาครั้งแรก
แล้วฉันก็เริ่มพูดคุยกับเธอ ฉันทำแบบนั้นเพราะฉันอยากคุยกับจูรินะจริงๆ

คุณพ่อฉันมักจะพูดถึงคุณแม่เสมอว่า "เพราะแม่ของเธอนั่นแหละที่ทำให้พวกเรามีข้าวกินทุกเช้า"
ฉันก็อยากจะใจดีให้ได้เหมือนคุณแม่เหมือนกันและอยากจะเป็นคนที่บอกความรู้สึกตัวเองได้อย่างตรงไปตรงมาได้อย่างคุณพ่อ

ฉันโชคดีจริงๆที่มีคุณพ่อคุณแม่แบบนี้

credit: melosnomichi

-----


แด่  ต้นแบบที่ดี รุ่นพี่ที่เยี่ยม กัปตันคนเก่ง และ

 

หลักไมล์แห่งความฝัน


ของเด็กๆAKB48 ;)


ช่วงเวลา 2,738 วันของพี่ในAKB48จะเป็นคืนยามอันล้ำค่าและเปล่งประกายตลอดไป


ขอบคุณนะคะ


โอทสึคาเระซามะ

 

 


[TH] "จูรินะของพวกเรา" นาคานิชิ x มาซานะ - Bubka

SKE48 4th Anniversary Special - Our Jurina - Nakanishi Yuka x Oya Masana

ส่วนนี้เป็นคอลัมน์พิเศษฉลองครบรอบ4ปีของSKE48ค่ะ มีของหลายคนเลยแต่อันนี้จะแปลของจูรินะนะคะ><'
มาจาก Bubka เล่มเดือน8 ปี2012
สัมภาษณ์นิชิกับมาซานะเกี่ยวกับจูรินะ โดยบทสัมภาษณ์จะแบ่งเป็น4ส่วนคือ
1. การพบกันครั้งแรกกับจูรินะ 2.ใบหน้าที่แท้จริงของเด็ก15ขวบจูรินะ
3.ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการควบทีม 4.จูรินะและเรนะ


นิชิ = น
มาซานะ = ม
 



 ——-

"คุณแม่"และ"พี่ชาย"ประจำทีมSขอเปิดเผยความรู้สึกเอ็นดูออกมาตรงนี้แหละ! - จูรินะของพวกเรา-

1.การพบกันครั้งแรกกับจูรินะ


Q - ธีมหลักของบทสัมภาษณ์นี้คือ "จูรินะของพวกเรา" เราเลยเลือกที่จะเรียกพวกคุณสองคนที่สนิทกับจูรินะมากที่สุดในSKEและน่าจะเข้าใจเธอได้ดีที่สุดมา
บางทีพวกคุณน่าจะบอกเราได้เกี่ยวกับนิสัยที่แท้จริงของจูรินะและการเติบโตตลอด4ปีที่ผ่านมาของจูรินะเท่าที่คุณเห็นในSKE48
ก่อนอื่น พวกคุณอธิบายความรู้สึกแรกของพวกคุณตอนที่เจอเธอได้ไหม?


น - ฉันไม่ได้เข้าร่วมการออดิชั่นด้วยเพราะแบบนั้นช่วงเวลาอาจจะต่างจากทุกคนหน่อยนะ มาซานะล่ะว่ายังไง?

ม - เราอยู่คนละกลุ่มกันในการออดิชั่นแต่คิดว่าเราน่าจะอยู่ด้วยกันครั้งแรกตอนที่ให้ผู้เข้าร่วมการคัดเลือกที่ออดิชั่นผ่านมารวมตัวกันถ่ายรูปหมู่หลังประกาศผล แต่ฉันยืนอยู่แถวหน้าสุดเพราะแบบนั้นก็เลยสนใจแค่คนที่อยู่แถวเดียวกัน ได้เจอกับจูรินะดีๆครั้งแรกก็วันถัดมาแหละค่ะ

Q - วันนั้นมีอะไรบ้างไหม?

ม - ฉันกับจูรินะได้รับเชิญไปออกรายการ「AKB 0ji59fun!」เราเจอกันที่สถานีชินคันเซ็นค่ะ
ถูกบอกมาว่าต้องไปกับเด็กที่ยังเรียนชั้นประถมอยู่ ก็เลยนึกว่าจะเป็นเด็กตัวเล็กน่ารักซะอีก

Q - ความจริงนี่มันต่างจากจินตนาการสินะ (หัวเราะ)

ม - จริงๆค่ะ (หัวเราะ) สูงพอๆกับฉันเลย และรู้สึกว่าออร่าแรงมากตั้งแต่วินาทีแรกที่มองไป
จูรินะยืนอยู่กับคุณแม่บนชานชาลา ถึงจะมองจากไกลๆแต่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นเด็กคนนี้แน่ๆ
และที่นั่นเป็นครั้งแรกที่เราทักทายกัน "โอยะ มาซานะ" "มัตสึอิ จูรินะ" แล้วพวกเราก็ขึ้นชินคันเซ็นกันไป

Q - คงลำบากน่าดูสำหรับเด็กม.6ที่จะคุยกับเด็กประถมคนนึง

ม - ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ พวกเราดื่มน้ำส้มด้วยกันด้วย..

น - นี่จำรายละเอียดขนาดนั้นได้ยังไงเนี่ย (หัวเราะ)

ม - จูรินะพูดเรื่องนู้นเรื่องนี้เยอะแยะเลยระหว่างการเดินทาง อย่างเช่น
"ฉันเคยอยู่ชมรมกรีฑาด้วยนะ" ราวกับว่าเด็กน้อย11ขวบจูรินะตอนนั้นพยายามเปิดใจให้เด็กม.6อย่างฉัน
เธอแม้แต่เตือนฉันด้วยตอนไปถึงสตูดิโอว่า "ในวงการบันเทิงน่ะ เธอต้องพูด"อรุณสวัสดิ์"ให้ดีๆกับพวกคนที่เจอนะ!"(หัวเราะ)

Q - สมเป็นเธอจริงๆ (หัวเราะ) แล้วนาคานิชิซังล่ะ?

น - ตอนมาซานะกับจูรินะมาโตเกียวเพื่อถ่าย 「AKB 0ji59fun!」ก็ได้มาดูสเตจทีมBด้วยค่ะ
ตอนนั้นฉันไปเป็นแบคแดนเซอร์(นิชิเคยเป็นเคงคิวAKB) เราคุยกันครั้งแรกนิดหน่อยตอนนั้นนะ
มาซานะดูเป็นเด็กๆและจูรินะก็เหมือนกันที่รู้สึกดูเป็นเด็กน้อย เพราะแบบนั้นเลยคิดว่าทั้งคู่อยู่ม.1 (หัวเราะ)
พอบอกอายุจริงๆมาก็ "อะไรนะ!? นี่ห่างกันขนาดนั้นเลยเหรอ"

Q - การพบกันของพวกคุณนี่เหมือนพรหมลิขิตเลยนะ ถ้าข้อมูลของทางเราไม่ผิดมันน่าจะเป็นช่วงนี้ใช่ไหม ที่ระหว่างการฝึกซ้อมครั้งนึงก่อนเดบิวท์
ที่มากิโนะ อันนะเซนเซย์พูดว่า "ณ ตรงนี้ใครกล้าพูดออกมาอย่างมั่นใจว่าได้ทำไปเต็มที่120%แล้ว ยกมือขึ้น"
และคุณก็เห็นจูรินะ ที่ยกมือขึ้นมาอย่างมั่นใจเพียงคนเดียวจากทั้งวง ในตอนนั้นคุณรู้สึกยังไงบ้าง?

ม - ฉันคิดว่าพวกเราทุกคน ต้องมีส่วนหนึ่งในใจที่คิดว่าพวกเราเต้นกันไปเต็มที่120%แล้ว
แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่มีใครกล้าตอบอยู่ดีเพราะว่าบรรยากาศตอนนั้นมันพูดยาก
แต่มีจูรินะเพียงคนเดียวที่ยกมือขึ้นมาอย่างมั่นใจโดยไม่มีการลังเลอะไรเลย ตอนนั้นคิดว่าเจ้าตัวเจ๋งมาก
ไม่ใช่แค่มีความมั่นใจในตัวเองนะ แต่ยังมีความกล้าที่เหนือชั้นไปกว่าพวกเราทุกคนด้วย

Q -  นั่นน่ะต้องทำให้ทุกคนตะลึงไปเลยแน่ๆ ในระหว่างการฝึกซ้อมแสนเข้มงวด SKE48ก็ได้เดบิวท์ที่AKB48 Hibiya Concert หลังจากนั้นจูรินะก็ได้รับเลือกอย่างกระทันหันให้เป็นเซนเตอร์ของAKB48 ในซิงเกิล Oogoe Diamond

ม - ฉันกังวลค่ะ เจ้าตัวต้องรู้สึกโดดเดี่ยวแน่ๆ ยังเป็นแค่เด็กประถมแต่ก็ถูกส่งไปโตเกียวคนเดียว
ตอนที่เธออยู่โตเกียวกับผู้จัดการ ฉันโทรไปหาพวกเขาและขอคุยกับจูรินะ พอถามไปว่า "สบายดีไหม?" เธอก็ตอบมาว่า "สบายดี!"
แต่พอตอนที่ฉันไปรอรับเจ้าตัวที่สถานีตอนที่กลับมาบ้าน นาทีที่เธอเดินออกมาจากชินคันเซ็นก็พุ่งตรงเข้ามาหาและกอดฉันแน่น ตอนนั้นก็รู้สึกขึ้นมาเลยว่าเธอต้องเหงาแน่ๆ

น - ในตอนแรกๆเลยนะ เธอให้ความรู้สึกที่ประมาณว่าจะไม่ยอมโชว์ด้านอ่อนแอให้ใครเห็น
ฉันก็เป็นห่วงเธอเหมือนกันแต่ในขณะเดียวกันพวกเราก็อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าSKEจะไปได้ถึงขนาดไหนหรือจะคงอยู่อีกนานแค่ไหน
เพราะแบบนั้นการที่พวกเรามีเด็กสาวที่อากิโมโตะเซนเซย์คาดหวังไว้มากทำให้ฉันมีความสุขนะคะ
แต่อยู่ๆก็ได้เป็นเซนเตอร์นี่คาดไม่ถึงเหมือนกัน ได้เห็นขึ้นปกCDเดี่ยวๆก็ยิ่งคาดไม่ถึง
ทุกๆคนพากันพูดคุยว่ามันสุดยอดขนาดไหน และไม่เคยมีใครบอกเลยนะว่าอิจฉาเจ้าตัว
ตัวจูรินะเองก็ไม่เคยบ่นเหมือนกันกับการที่ได้รับตำแหน่งนั้นมา

Q - ไม่เคยมีปัญหากับการที่มีจูรินะเป็นเซนเตอร์กันเลยเหรอ?

น -  ตั้งแต่ที่เราได้เห็นเธออยู่บนปกOogoeเดี่ยวๆ พวกเราทุกคนก็มั่นใจว่ามันจะเป็นอย่างอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ

ม - พอคำนึงถึงความห่างของอายุของพวกเราดีๆ ฉันก็น่าจะยืนยันที่จะคอยเฝ้าดูแลเธอมาเสมอ


2.ตัวตนที่แท้จริงของจูรินะ15ขวบ

Q - จากวันแรกจนถึงวันนี้ จูรินะไม่เคยมีคาแร็คเตอร์หลักๆชัดเจนเลย
เธอเป็นคนแข็งแกร่งและร่าเริงที่ไม่ชอบแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา แต่เหมือนกับว่าสำหรับใครหลายๆคนการกระทำแบบนี้เป็นการ"อวดเก่ง สำหรับพวกเราผู้ทำบทความก็อยากจะเคลียร์ความเข้าใจผิดนี้มานานแล้ว

น - ความจริงแล้วจูรินะก็เป็นแค่เด็กขี้อ้อนสุดๆค่ะ(หัวเราะ) จะชอบเข้ามาหาแล้วก็ "เนี้ยน~เนี้ยน~" และบางทีอยู่ๆก็มาหาแล้วบอกว่า "อบคุกกี้มาล่ะ!"

ม - ชอบเอาขนมมาให้เนอะ แถมเขียนชื่อทุกคนไว้บนนั้นด้วย

Q - พูดได้เลยไหมว่าเวลาเธออยู่กับคุณก็เหมือนอยู่กับพี่สาว?

น - ฉันว่าฉันน่าจะเป็นพี่ชายมากกว่านะ (หัวเราะ) โดยเฉพาะตอนเราเพิ่งเดบิวท์ตอนนั้นเธอมองฉันเหมือนเป็นผู้ชายเลย

Q - ถ้านาคานิชิซังเป็นพี่ชาย แล้วโอยะซังจะเป็นอะไร?

ม - ...โดนบอกมาว่าเหมือนเป็นคุณแม่น่ะค่ะ

น - เพราะเธอชอบบอกเค้านี่ว่าห้ามทำแบบนู้นแบบนี้ที่ไม่ควรทำ เหมือนสอนมารยาทให้ลูกเลย(หัวเราะ)
เมื่อไหร่ที่จูรินะจะไปทำอะไร มาซานะก็ชอบบอกว่า "ทำให้ดีๆนะ" ด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
นั่นแหละทำไมจูรินะถึงเชื่อฟังและพึ่งพามาซานะ

Q - เห็นภาพเลย! คุณคงจะโดนจับคู่กับจูรินะบ่อยๆเวลาไปข้างนอก ตอนนั้นเธอเป็นยังไงบ้าง?
เราจินตนาการไว้ว่าเธอคงจะโวยวาย "เหนื่อยจังเลย~" แล้วก็พุ่งตรงไปที่เตียงสินะ

น - ใช่เลย (หัวเราะ) เป็นแบบนั้นทุกที

Q - แล้วก็ "ลุกขึ้นเลยนะ ไปอาบน้ำก่อนนอนสิ!!"ใช่ไหม?

ม - ถูกต้อง (หัวเราะ)

น - ก็นะ จูรินะตื่นยากมากๆเลยล่ะ

Q - เจ้าตัวหงุดหงิดเลยมั้ย?

น -  เธอจะบอกว่า "รู้แล้ว..."แล้วนอนต่อมากกว่า..

ม - มีครั้งนึงที่จูรินะกับยุกโกะ(คิโนชิตะ ยูกิโกะ)นอนห้องเดียวกัน
แล้วยุกโกะก็โทรมาหาฉันกลางดึก จูรินะน่าจะเดินตรงไปนอนเลยโดยไม่แม้แต่จะล้างเครื่องสำอางน่ะนะ
"จูรินะซังไม่ยอมตื่นเลยค่ะ! พรุ่งนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้าด้วย ทำยังไงดี!?" ฉันบอกให้ยุกโกะเอามือถือไปวางไว้ใกล้ๆหูจูรินะจะได้ได้ยินเสียงฉัน
"จูรินะ ตื่น! นี่มาซานะนะ ตื่นเดี๋ยวนี้เลย!" เสียงจากอีกฝั่งก็ดังขึ้นมาว่า "เงียบเว้ย!โลลิ-่อน!"

น - เป็นเรื่องราวดีๆนะ (หัวเราะ)

Q - เดี๋ยวจะเซนเซอร์ให้ตัวอักษรนึงนะ (หัวเราะ) (เซนเซอร์คำว่าโลลิค่อน)

อ - ตอนนั้นเธอยังครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่เลย ฉันก็บอกไปเรื่อยๆว่า"ตื่นได้แล้วน่า! อย่าหลับคาเครื่องสำอางสิ!" ซึ่งในที่สุดเธอก็ตอบกลับมาว่า "เข้าใจแล้ว" และเหมือนจะตื่นจนได้ล่ะค่ะ

น - พออยู่กับมาซานะแล้วจูรินะเหมือนกลายเป็นเด็กๆเลย

อ - แต่หลังๆมานี้เธอก็โตขึ้นเยอะนะ เหมือนว่าช่วงนี้จะตื่นเองได้แล้วล่ะ

น - แม้แต่หมอนข้างที่ปกติจะพกติดตัวประจำ ช่วงหลังๆนี้ก็ไม่พกแล้วนะ แต่เรื่องนอนคนเดียวไม่ได้นี่คงอีกนานกว่าจะเลิก
ทุกครั้งที่ฉันตื่นขึ้นมาจะเห็นเธอนอนเปิดพุงตลอดเลย บอกว่า"เดี๋ยวท้องก็เย็นหรอก!"แล้วเธอก็หยิบผ้าห่มมาห่มอีก (หัวเราะ)

ม - น่ารักจริงๆเนอะ? เหมือนยังเป็นเด็กๆอยู่เลย

น - ถึงอย่างนั้นก็โตแล้วและกำลังจะเป็นผู้ใหญ่แล้วล่ะ

Q - ก็ยังเป็นแค่เด็ก15ขวบอยู่ดีล่ะนะ ฟังพวกคุณเล่าแล้วรู้สึกสบายใจยังไงไม่รู้

3.ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดจากการควบตำแหน่ง

Q - ระหว่างคอนเสิร์ทSSAเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา มีประกาศประกาศให้จูรินะไปควบตำแหน่งในทีมK
พวกเราได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของโอยะซังนาทีที่มีการประกาศชัดเจนเลยจากที่นั่งของพวกเรา

ม - ฉันไม่เคยนึกถึงมาก่อน ไม่แม้แต่ครั้งเดียวกกับเรื่องที่จูรินะจะจากSKEไป
ฉันอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดในเวลาที่เธอต้องฝ่าฟันเรื่องราวยากลำบาก
เมื่อไหร่ที่ฉันต้องฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆเธอเองก็อยู่ตรงนั้นคอยมอบพลังให้ฉัน เพราะแบบนั้นพอคิดว่าเธอจะจากSKEไป ฉันก็จมจ่อมไปกับความรู้สึกเหล่านั้น
"ไม่เอา! อย่าไป! อย่าทิ้งพวกเราไปนะ!"

น - สำหรับฉัน ความทรงจำต่างๆที่มีกับจูรินะมันปรากฏชัดขึ้นมาในหัว หลังจากนั้นก็คิดว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับSKEต่อ
ในขณะเดียวกันก็คิดอย่างจริงจังว่าฉันควรทำอะไรต่อ...เป็นความรู้สึกราวกับว่าอยู่ๆเธอก็ประกาศจบการศึกษาเลยค่ะ
กลายเป็นว่าจริงๆแล้วแค่ควบตำแหน่งไม่ใช่การย้ายถาวร ทำให้สงบลงมานิดนึง

ม - ฉันก็เหมือนกัน

Q - แล้วหลังจากเริ่มการควบทีม จูรินะมีอะไรเปลี่ยนไปบ้างไหม?

ม - เธอมาบอกเราเกี่ยวกับด้านดีต่างๆของAKB "ถ้าSKEทำแบบนี้บ้างจะดีกว่าไหม?"แล้วก็บอกว่าเธอเรียนรู้อะไรมาบ้าง

น - ฉันไปดูสเตจทีมKและคิดว่าสำหรับจูรินะมันยอดเยี่ยมจริงๆที่จะได้สัมผัสประสบการณ์การเต้นในตำแหน่งอื่นนอกจากเซนเตอร์ที่เป็นมาตลอด ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนจูรินะก็ยังคงเป็นจูรินะ
ตอนแรกก็เป็นห่วงว่าเธอจะไม่สบายใจและเจออะไรแย่ๆมา แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลย
ที่ฉันเห็นคือภาพที่ฉันเคยเห็นมาตลอด และแทนที่จะคิดว่าจูรินะต้องลำบากแน่กับการควบตำแหน่ง
ในตอนนี้ฉันเชื่อว่าเธอได้รับที่ที่เธอสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบเพิ่มมาอีกที่นึง ที่ที่เธอจะได้รับการดูแลและที่ที่เธอจะกลับไป
เมื่อก่อนจูรินะอาจจะต้องแบกรับอะไรมามากเกินไปจนถึงตอนนี้ แต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อน ตอนนี้สิ่งที่เธอแบกรับอยู่เหมือนจะเบาลงแล้วล่ะค่ะ

ม - เหมือนจะเป็นแบบนั้นจริงๆนะคะ ฉันเคยถามเธอว่า "ลำบากมั้ย?" เธอตอบมาว่า "ไม่เลย"
และทุกๆคนในAKBดูแลเธอดีมาก เพราะแบบนั้นเวลาเธอบอกว่าสบายดี เป็นฉันเองนี่แหละที่รู้สึกเหงาขึ้นมาเลย (หัวเราะ)

Q - เมื่อว่าเจ้าลูกน้อยได้ออกจากรังไปแล้วสินะ?

ม -  ฉันได้รับสายจากเธอจากโอกินาว่าระหว่างที่เจ้าตัวไปทัวร์กับทีมK เธอบอกฉันว่า
"ตอนนี้อยู่โอกินาว่าล่ะ!! พรุ่งนี้จะไปทานของอร่อยๆให้พรึ่บเลย!"

น - เธอรู้น่ะสิว่ามาซานะจะมีปฎิกิริยาแน่ถ้าบอกว่าจะไปกินอะไรอร่อยๆ มาซานะต้องตอบไปว่า "ดีจัง ของอร่อย~"แน่เลย

ม - ไม่ซะหน่อย!!

Q - ช่วงหลังๆมานี้เหมือนมาซานะซังจะมีชื่อเสียงเรื่องกินจุนะ (หัวเราะ)

น - เจ้าตัวกำลังสร้างคาแรคเตอร์ชอบกินอยู่น่ะ (หัวเราะ)

ม - ไม่ใช่ซะหน่อย! ฉันไม่ได้กินเยอะเป็นช้างอะไรนะ
วันหลังจากที่เธอกลับมาจากโอกินาว่า จูรินะมาหาฉัน"ทำชิจิมิมาด้วยล่ะ!เป็นความลับนะ"
เธอต้องเหนื่อยมากแน่ๆแต่ก็ยังทำมาให้ด้วยตัวเอง ซึ้งจริงๆค่ะ

น - โดนข้าวล่ออีกแล้ว

ม - บอกแล้วไงว่าไม่ใช่!!

น - แล้วก็นะ ตลอดเวลาเลยที่จูรินะจะทำเต็มที่เสมอไม่ว่าจะเหนื่อยขนาดไหน
แม้แต่เวลาถึงลิมิตที่สุดแล้วก็ยังไม่เคยทำอะไรลวกๆ ฉันเคยไปดูสเตจของทีมเคซังและนอนค้างกับจูรินะ
ในขณะที่ทัวร์ก็ใกล้จะเริ่ม มีเพลงสเตจทีมKหลายเพลงที่ฉันพอเต้นได้แต่จูรินะเต้นไม่เป็นเลย
เพราะแบบนั้นเราก็เลยซ้อมด้วยกันและเธอก็จดจำทุกอย่างในเวลา2-3วัน จูรินะฝึกซ้อมในขณะที่ก็ยังคงรักษาเวลานอนไว้ได้เต็มที่ สุดยอดมากจริงๆค่ะ อยากเห็นผลลัพธ์นั้นบนเวทีจริงๆ
เชี่ยวชาญในการเต้นเพลงเพลงนึงในเวลา2หรือ3วันก็โอเคนะ แต่เธอจำได้5-6เพลงในเวลา2-3วันเอง

ม - เธอน่ะที่สุดเลยนะพอเป็นเรื่องความจำน่ะ

น - เจ้าตัวความจำดีมากเลย

ม - ในเมื่อจูรินะมักจะทำอะไรสุดตัวตลอดก็เลยมีเวลาที่เธอหมดแรงบ้าง พอจูรินะอ่อนแรงลง
เรนะก็จะมาอย่างเงียบๆ เงียบๆ แล้วก็ ปัง! อยู่ๆก็โผล่มาเลย

4.จูรินะและเรนะ

Q - จูรินะกับเรนะ ในสายตาพวกคุณความสัมพันธ์ของสองคนนี้เป็นยังไง?

ม - เราเคยคุยเรื่องนี้กันกับเมมเบอร์หลายคนและพวกเราเห็นตรงกันว่าจูรินะกับเรนะเป็นด้านตรงข้ามกันอย่างสมบูรณ์แบบ

น - แปลกมากเลยนะ สองคนนี้แตกต่างกันตั้งแต่หัวจรดเท้าแต่พอมายืนด้วยกัน ประมาณว่าพวกส่วนสูงอะไรแบบนี้จะเท่ากันเป๊ะ ฉันคิดจริงๆนะว่าโชคชะตานำพาให้พวกเค้าสองคนมากจริงๆ

ม - เพราะว่าพวกเค้าแตกต่างกันแบบคนละขั้ว คุณก็อาจจะคิดได้ว่ามีส่วนที่พวกเค้าเข้ากันไม่ได้บ้าง
แต่มันไม่ใช่แบบนั้นเลยซักนิด พวกเค้าเข้ากันได้ดีจริงๆ

Q - แต่การที่"ตรงข้ามกันคนละขั้ว"นี่ไม่ทำให้พวกเค้ารู้สึกต่อต้านกันและกันเลยเหรอ?

น - ตรงกันข้ามเลย พวกเค้ากลับเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ ยกตัวอย่างเช่นเรนะที่ปกติจะเป็นคนวางตัว
แต่ในโอกาสหายากบางทีก็ปล่อยๆเหมือนกัน...ช่วยไม่ได้เลยนะ!

Q - นี่เข้าใจนะว่าหมายความว่าไง(หัวเราะ)

น - ในช่วงสุดท้ายของเพลงล่าสุดของพวกเรา Kiss Datte Hidarikiki ท่าสุดท้ายจะเป็นจูรินะกับเรนะทำท่าจูบกัน
ตอนซ้อมจูรินะจะ"จูบกันจริงเลยเหอะ"ในขณะที่เรนะจะ"ไม่อะ ไม่มีทาง" แต่พอไปแสดงก็ดันจูบจริง...
เหมือนว่าเรนะจะยอมๆนิดหน่อยนะ....ดีใช่มะ!?

Q - ทำไมอยู่ๆนาคานิชิซังก็คึกคักขึ้นมาเลยเนี่ย (หัวเราะ)

ม - แต่พอเวลาจูรินะไม่สบาย เรนะก็จะพยายามหนักขึ้นกว่าเดิมอีก สุดยอดยังไงไม่รู้นะคะ

น - เหมือนว่าจูรินะเป็นสามีและเรนะเป็นแม่บ้าน ในบางมุมพวกเธอก็ดูเหมือนคู่สามีภรรยาแก่ๆทั่วไป
ถึงทั้งสองคนจะไม่เห็นด้วยแน่นอนกับการวิเคราะห์ออกมาแบบนี้ก็เถอะ

Q - ดีจังเลยนะ ได้ฟังคุณพูดก็รู้สึกรักจูรินะ SKE48 และพวกคุณสองคนมามากขึ้นเลบล่ะ(หัวเราะ)
เพื่อปิดท้ายการสัมภาษณ์นี้ ขอให้พวกคุณพูดสิ่งที่อยากบอกกับจูรินะหน่อย

ม - จูรินะกับเรนะถูกเปรียบเทียบกันเยอะจริงๆและหลายครั้งที่ทำให้จูรินะวุ่นวายใจ
เธอจะบอกว่า "เรนะจังทำแบบนั้นได้แต่ฉันทำไม่ได้" แต่ จูรินะ เธอไม่จำเป็นต้องเป็นห่วงอะไรแบบนั้นเลยนะ
เธอควรก้าวไปข้างหน้าอย่างเป็นตัวเอง ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องไปเปรียบตัวเองหรือทำอะไรเลียนแบบเรนะ
อยากให้รู้จักตัวเองมากกว่านี้นะ ฉันมั่นใจว่าเธอมีอะไรดีๆพอๆกับเรนะ หามันให้เจอ หาสิ่งที่จะทำให้เธอแตกต่างจากเรนะและฟูมฟักมันขึ้นมาซะ
เธอจะต้องทำให้มันงอกงามขึ้นมาได้แน่ๆ ฉันแค่อยากพูดว่าเธอไม่ต้องกังวลอะไรหรอก

Q - แค่ทุกคนได้อ่านข้อความนี้ก็เข้าใจถึงสิ่งที่จะสื่อแล้วล่ะ
แล้วนาคานิชิซังล่ะ ลองบอกอะไรที่อยากให้เธอเลิกทำก็ได้นะ (หัวเราะ)

น - งั้นเอาเป็นเรื่องตื่นยากแล้วกันค่ะ(ตอบทันทีเลย) บางมุมมันก็น่ารักดีนะ
แต่ดันไม่ตื่นเอาซะเลยนี่สิ ถ้าวัดความสามารถในการตื่นนอนจากเลข0ถึง8 โดยที่8เป็นคะแนนเต็ม
จูรินะได้อย่างมากแค่2ล่ะค่ะ นี่เป็นคำขอร้องจากนาคานิชิเลยนะ

Q - ว่าแล้วเชียว คิดถูกจริงๆที่เลือกมาคุยกับพวกคุณ ขอบคุณมากๆเลยนะ!

เครดิต : sakaeandfrog

วันเสาร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

[TH] "สายสัมพันธ์"ของดับเบิ้ลมัตสึอิ pt2 - ชูคังเพลย์บอยสเปเชี่ยลSKE

ภาคต่อค่ะ *-* ของเรนะ
ภาคที่แล้ว ของจูรินะ




——

จูรินะคือครอบครัว คือเอซของพวกเรา
 ถ้าเธอคนนี้หายไป เราคงทำอะไรกันไม่ได้
นาทีที่ที่มีการประกาศย้ายออกมา ภาพตรงหน้าฉันก็มืดลงไปหมด

Q -  เอาล่ะ ต่อไปก็ตาเรนะจังนะ 

ร - ขอบคุณนะคะสำหรับโอกาสนี้!

Q - เอ๋ หมายความว่าไงน่ะ?
ร - ไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมี SKEชูคังสเปเชียลด้วย ประหลาดใจมากค่ะ "NMB48หรือHKT48ไม่ได้มาด้วยหรอ!?"

Q -โอ้ย ไม่ๆ (หัวเราะ) ต้องเป็นพวกเรามากกว่าที่ขอบคุณ!...อยากจะเริ่มต้นด้วยการถามคุณเกี่ยวกับจูรินะจังนะ

ปกตินี่คุยกันบ่อยไหม?

ร - ถึงพวกเราจะไม่สนิทสนมกันเป็นพิเศษ ถึงจะไม่ค่อยได้คุยกันเท่าไหร่แต่ฉันก็เห็นเธอเป็นเหมือนครอบครัวคนนึงนะคะ ถึงตอนอยู่ต่อหน้าทุกคนจะไม่ค่อยได้คุยกันก็เถอะ...พูดแบบนี้นี่อาจจะทำให้คนเข้าใจผิดกันก็ได้นะว่าพวกเราไม่ถูกกัน(หัวเราะ)

Q - ไม่มีการเข้าใจผิดอะไรแบบนั้นหรอกน่า (หัวเราะ) แล้ว ปกตินี่คุยกันตอนไหนล่ะ?

ร - จูรินะจะพยายามเกินตัวอยู่ตลอดจนส่งผลไปยังสภาพร่างกายของเธอเอง
พอเรื่องนี้มันเกิดขึ้นฉันก็คิดว่าเธอน่าจะกังวลใจอยู่ ก็เลยไปเยี่ยมเธอและบอกไปว่า "ตอนนี้ถึงเธอจะไม่อยู่ แต่ทุกคนก็พยายามเต็มที่กันอยู่นะ" พอพูดออกไปแบบนั้นเจ้าตัวก็ดูผ่อนคลายและมีสีหน้าแบบเด็กๆขึ้นมาเลยล่ะค่ะ เห็นเธอทำหน้าแบบนั้นก็ได้แต่คิดว่า
 "อา...นี่ทำอะไรยากๆอย่างคอยดันSKE48ไปข้างหน้าตลอดมาจนได้นะ..."

Q -  คุณที่เข้าใจในมุมนี้ของจูรินะทำให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นครอบครัวกันจริงๆ

ร - ฉันคิดว่านั่นเพราะพวกเรามีเวลาด้วยกันมากขึ้นนะคะ ก่อนจะติดเซนบัตสึAKBนี่ฉันไม่เคยคุยกับเธอมาก่อนเลย

Q - แล้วเริ่มรู้จักจูรินะตั้งแต่ตอนไหนเหรอ?

ร - ตอนแรกฉันไม่ได้สนใจเธอเท่าไหร่ แบบว่าเธอเองไม่ได้โดดเด่นออกมาขนาดนั้นเหมือนกัน
ระหว่างออดิชั่นฉันแค่จำไว้ว่า "คนที่ใส่เสื้อลายกับถุงเท้ายาวถึงเข่า" แล้วพอเจ้าตัวได้เป็นเซมบัตสึ Oogoe Diamond และต้องไปซ้อมกับAKB48 ฉันแทบไม่รู้ตัวเลยว่าเธอหายไป
พอเห็นโปสเตอร์ก็คิดว่า "จูรินะออกเดี่ยวๆเลย เจ๋งจัง!" หลังจากนั้นก็เพิ่งมารู้ตัวว่าเธอหายไประหว่างการซ้อมล่ะค่ะ

Q - นั่นมันจืดจางเกินไปแล้วนะ!! (หัวเราะ)

ร - เพราะตอนนั้นตัวฉันต้องพยายามหนักมากกับการไล่ตามทุกคนในทีมให้ทันก่อน เลยไม่มีเวลาไปสังเกตจูรินะที่ยืนเป็นเซนเตอร์เท่าไหร่น่ะค่ะ
ตอนนั้นความมุ่งมั่นของฉันเทียบกับความพยายามของจูรินะไม่ติดเลย แต่ก็เริ่มรู้สึกขึ้นมาช้าๆว่า"อยากไปยืนอยู่ข้างหน้า"และพยายามอย่างหนักขึ้นมา
สุดท้ายก็ได้รับเลือกไปเข้าร่วมเป็นเซมบัตสึในซิงเกิล 10nen Zakura จนได้

Q - คิดว่าทำไมตัวเองถึงได้รับเลือกตอนนั้น?

ร - ไม่รู้เลยค่ะ! ทุกวันนี้ก็ยังเป็นปริศนาอยู่ดี (หัวเราะ)
แต่ตั้งแต่ตอนนั้นที่จูรินะช่วยเหลือฉันเยอะมาก ฉันถามนู่นถามนี่เยอะแยะแล้วตัวเธอก็พึ่งได้สุดๆ

ตอนนั้นไม่รู้สึกเลยว่าเจ้าตัวเป็นเด็กประถม คิดว่าเป็นคนที่อายุพอๆกันตลอด

Q - เธอดูเป็นผู้ใหญ่จริงๆ

ร - แต่ก็ยังเป็นเด็กที่ขี้อ้อนอยู่ดีนะคะ ถ้าเธอไม่มีหมอนข้างใบเล็กประจำตัวที่ชื่อbrownmamaนั่นเธอจะนอนไม่หลับเลย
ทุกครั้งที่เธอเข้าโตเกียวคุณแม่ของเธอก็จะพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าไปให้แต่พอตอนเย็นก็ทำซะเละไปหมด
สุดท้ายตอนเช้าก็ปิดกระเป๋าไม่ลง... เจ้าตัวก็ยังมีนิสัยเด็กๆน่ารักๆสมวัยอยู่นะคะ เพราะแบบนี้แหละทำให้รู้สึกว่าความมุ่งมั่นของเธอว่า "ฉันจะดึงSKEไปข้างหน้าให้ได้!!"แรงกล้ามากเมื่อยืนอยู่ข้างหน้าทุกๆคน
จริงๆแล้วจูรินะมีหน้ากากที่หลากหลายมาก เหมือนตุ๊กตามาทรอซก้าเลย

Q - มาทรอซก้า?

ร - อยู่ๆก็แวบเข้ามาในหัวค่ะ ปกติเวลายืนอยู่บนเวที ตัวเธอจะดูเหมือนคนที่โตแล้ว ดูเป็นผู้ใหญ่มากๆ
พอก้่าวลงมาจากเวที จูรินะที่เป็นปกติก็จะกลับมา จูรินะที่เป็นเด็ก15ขวบอยู่ภายในแต่ภายนอกดูเป็นผู้ใหญ่
แต่สำหรับฉันเธอเป็นเด็กที่ใสบริสุทธิ์ซะยิ่งกว่าเด็กคนอื่นในช่วงอายุเดียวกันซะอีก
ถ้าคุณเปิดเปลือกอีกชั้นของเธอออกมา จะเห็น"จิตใจอันบริสุทธิ์"ที่เหมือนกับเด็กแรกเกิดของเธอนะ

Q - เข้าใจล่ะ คุณหมายความว่าถ้าเรามองลึกลงไปเราจะพบความบริสุทธิ์ที่ผู้คนมักจะทำมันหายไปเมื่อเติบโตขึ้นสินะ? 

ร - แบบนั้นแหละค่ะ เหมือนตุ๊กตามาทรอซก้า

Q - สำหรับคุณ จูรินะจังเป็นอะไรสำหรับSKE48?

ร - สำหรับSKEเธอคือครอบครัวและเอซของเรา ถ้าเธอหายไปเราคงจะทำอะไรกันไม่ได้

Q - พูดได้เลยสินะว่าเธอคือ"เสาหลัก"หรือ"จิตวิญญาณ"ของSKE48?

ร - ก็ใกล้เคียงอยู่นะคะ เพราะแบบนั้นตอนที่เค้าประกาศย้ายเธอในSSAฉันคิดขึ้นมาเลยว่า"SKEจบแล้ว!" 

Q - ตอนแรกเค้าไม่ได้บอกใช่ไหมว่ามันจะเป็น"การควบตำแหน่ง"?

ร - ไม่ได้บอกเลยค่ะ! ภาพตรงหน้าฉันมืดมิดไปหมดลย (ฮา) ตอนนั้นฉันกอดจูรินะที่ยืนอยู่ข้างๆฉันไว้แน่น
พลางคิดว่า"ฉันจะไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น!" เมมเบอร์ทีมSคนอื่นๆก็อยู่รอบๆพวกเราและร้องไห้เสียงดังกันทุกคน
จูรินะเองก็กำลังสับสนอยู่..แต่ก็เลือกที่จะปล่อยมือพวกเราไปเองเหมือนกับจะบอกว่า "ทุกคน ฉันไปแล้วนะ!"และเดินโซเซตรงไปข้างหน้า

Q - และมีใบหน้าที่ว่างเปล่าด้วย... 

 ร - ในตอนนั้นระหว่างที่มองแผ่นหลังของเธอฉันก็คิดว่า "อา...จูรินะตัดสินใจไปแล้วสินะ ไม่ว่ายังไงก็ต้องสนับสนุนเธอ" หลังจากนั้นก็ค่อยมีการประกาศว่าเธอจะควบตำแหน่งสองตำแหน่งเช่นเดียวกับตำแหน่งทีมBของมิ้ลกี้ 
พอเธอออกไปพูด เธอเรียกตัวเองว่า "NMB Team N วาตานาเบะ มิยูกิ" แต่สำหรับจูรินะ
ไม่ต้องมีใครบอกอะไรเธอ เธอเรียกตัวเองว่า "Team S และ Team K มัตสึอิ จูรินะ" ฉันก็รับรู้ได้ค่ะว่าจูรินะตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว

Q - คุณคิดว่าจูรินะจะเป็นยังไงท่ามกลางAKB48


ร - จูรินะจะ...ถึงเธอจะถูกกลืนไปกับAKB เธอก็จะยังเป็นตัวของตัวเองและจะพัดพาอะไรดีๆไปด้วยเสมอ
ฉันเชื่อว่าจูรินะจะนำสิ่งที่ได้รับที่นั่นกลับมาให้SKEค่ะ

Q -  ประมาณว่า "จูรินะของพวกเราไปAKBเพื่อพัดพาสายลมใหม่นะ"?

ร - ใช่ค่ะ ถ้าเป็นจูรินะต้องทำได้แน่ๆ ฉันรู้สึกว่าทุกคนในทีมKจะต้องแบบว่า "จูรินะสุดยอดเลย!เราจะแพ้จูรินะไม่ได้นะ!"
ฉันค่อนข้างมั่นใจในความคิดของฉันตอนนี้นะ แต่ก็เป็นห่วงอยู่เหมือนกันว่า

"เพิ่งจะเข้าม.ปลายเองและต้องเปลี่ยนสภาพแวดล้อมไปหมด ร่างกายจะรับไหวไหมนะ?"
ทุกๆคนในทีมSก็น่าจะเป็นห่วงแบบนี้เหมือนกันค่ะ พวกเราพึ่งพาในตัวเธอ แต่เธอเองก็เป็นคนที่เราอยากจะปกป้องเหมือนกัน


Q - ดีจังเลยนะ

ร - ในขณะเดียวกัน ความทะเยอทะยานของพวกเราของเมมเบอร์ทุกคนในSKE กำลังพุ่งทะยานสูงขึ้น
เราต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคงในขณะเว้นที่ว่างไว้เพื่อจูรินะ ฉันคิดว่าSKE48คือที่ที่จูรินะจะกลับมา ไม่มีที่อื่นอีกแล้วค่ะ