วันจันทร์ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2556

[TH] NMB48 Fukumoto Aina ว่าด้วยการเข้าร่วมฟูลมาราธอนครั้งแรกในฐานะนักวิ่งการกุศลในงานOsaka Marathon

ขอถามหน่อยได้ไหมว่าเตรียมพร้อมยังไงกับการเข้าร่วมฟูลมาราธอน(มาราธอนแบบยาวที่สุดระยะทางประมาณ43km)ครั้งแรกของคุณ แล้วตอนนี้เป็นยังไงบ้างเพราะงานจะเริ่มอีกแค่50วันนี้แล้ว?

“ฉันเริ่มฝึกในช่วงเดือนสิงหาคมค่ะ พยายามวิ่งทุกครั้งที่มีเวลาว่างและสามารถออกวิ่งได้ ก็วิ่งวันละ5kmทุกวัน ฝึกฝนกล้ามเนื้อหน้าท้องและกล้ามเนื้อหลังบางครั้งก็วิดพื้นแล้วก็ยืดกล้ามเนื้อหลังอาบน้ำด้วยค่ะ ฉันชอบกีฬานะแต่นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเข้าร่วมวิ่งฟูลมาราธอนเลยนึกไม่ออกเลยว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่หลังจากได้ผ่านการฝึกฝนมาแล้วจากความเครียดก็กลายเป็นความสนุกในการวิ่งแทนค่ะ ได้ยินมาว่าควรจะวิ่งทีเดียว20kmโดยไม่หยุดซักครั้งก่อนจะไปวิ่งจริงในฟูลมาราธอน งานก็ใกล้เข้ามาทุกทีฉันว่าฉันต้องตั้งใจฝึกฝนมากกว่าเดิมค่ะ"

พวกเราได้ยินมาว่าคุณเลือกชุดที่จะใส่กับรองเท้าวิ่งในช่วงเดือนสิงหาคม

“มีอุปกรณ์เกี่ยวกับการวิ่งหลายอย่างเลยค่ะที่สีสันและดีไซน์สวยงาม หลังจากคิดอยู่นานว่าจะซื้ออะไรดีที่ Mizuno storeสาขาที่YodayabashiในOsaka ฉันก็ตัดสินใจเลือกซื้ออันที่เป็นสีชมพูดำค่ะ

 ถึงจะไม่ค่อยได้ใส่เสื้อผ้าสีชมพูก็เถอะแต่นี่เป็นสีโปรดฉันนะ
พอเป็นแบบนี้ทำให้อยากใส่ของพวกนี้ออกไปซ้อมวิ่งขึ้นมาเลย"

ความประทับใจของคุณต่อการวิ่งมาราธอน

“ฉันเคยไปร่วมงาน”Running camp”แล้ววิ่งไป3kmด้วยอัตราเร็ว6นาทีต่อกิโลเมตร
และอีก3kmหลังในอัตราเร็ว7นาทีค่
ทั้งงานนั้นฉันวิ่งไปได้ 6km ถึงจะร้อนมากแต่มันก็ไม่ได้ลำบากเท่าไหร่

แถมฉันไม่ได้หายใจหอบอะไรหลังจากวิ่งด้วย
ฉันว่าฉันค่อยๆชินกับการวิ่งแล้วล่ะ คือจำกัดเวลาให้ตัวเองในงานนี้คือ 5ชั่วโมง 30นาทีนะ
ถึงการวิ่งจะเป็นเรื่องที่ต้องทำเองคนเดียวและเป็นการต่อสู้กับตัวเองอย่างหนักหน่วง

แต่ผู้คนที่คอยวิ่งอยู่รอบข้างฉัน ผู้คนที่คอยส่งกำลังใจให้เหล่านักกีฬา
 ฉันคิดว่าทุกคนเป็นเพื่อนหมดเลยค่ะ รู้สึกได้ว่าทุกคนกำลังมีความรู้สึกเดียวร่วมกันอยู
เคยได้ยินมาว่ามีคน 1,500,000คนที่เหมาะกับการวิ่งมาราธอนแต่กลับมีเพียง 30,000 คนเท่านั้นที่ออกวิ่งมาราธอนจริงๆ

เพราะแบบนั้นฉันถึงรู้สึกว่าฉันจะวิ่งไปพร้อมๆกับมีความรู้สึกของผู้คนเหล่านี้อยู่ในใจ แบบว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน น่ะค่ะ"

แบบนี้แสดงว่าคุณเก่งกีฬาสินะ?

"ฉันเรียนว่ายน้ำตั้งแต่ที่อยู่ชั้นอนุบาล3จนถึงม.1ว่ายน้ำได้4ท่าเลยและเรียนวอลเลย์บอลตั้งแต่ป.3ถึงป.6ด้วย
แล้วก็อยู่ชมรมเทนนิสตอนม.ต้นอีก ก็ทำอะไรที่อยากทำน่ะค่ะ 

ฉันรักกีฬาและมีเหตุผลด้วยว่าทำไมถึงเล่นกีฬาแต่ละอย่า
ว่ายน้ำก็เพื่อฝึกความทรหดส่วนเทนนิสนี่เพราะฉันอยากใส่เครื่องแบบค่ะ 

ทั้งกีฬาทีมและกีฬาที่ต้องเล่นเดี่ยวแต่ละประเภทก็สนุกไปคนละแบบ
แต่มันทำให้คุณได้พัฒนาความแข็งแกร่งของจิตใจ คุณต้องได้เผชิญหน้ากับทั้งชัยชนะและความพ่ายแพ้
ฉันคิดเสมอว่าการเล่นกีฬาจะเป็นผลดีต่อคุณทั้งด้านการเรียนและในชีวิตประจำวัน
แต่มาราธอนนี่เป็นอะไรที่ฉันไม่เคยลองมาก่อน และฉันก็ไม่อยากต้องเดินระหว่างการแข่งด้วยค่ะแต่ได้ยินมาว่าเริ่มออกอาการหลังจากผ่านจุด 20kmไป แล้วระยะทางที่ฉันวิ่งตอนฝึ
กปกตินี่ไม่ทำให้ฉันมีอาการเลย

ก็นึกไม่ออกเลยว่ามันจะเจ็บขนาดไหนแล้วจะเจ็บมากขนาดทำให้ฉันวิ่งต่อไม่ไหวรึเปล่า แต่เพราะการฝึกฝนทำให้ฉันรู้สึกว่าร่างกายเริ่มคุ้นเคยกับการวิ่งแล้วล่ะค่ะ และทำให้การวิ่งสนุกขึ้นมาเลยด้วย
เพราะว่าฉันไม่ได้เข้าชมรมกีฬาตอนอยู่ม.ปลาย เลยพูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำว่าฉันมีความอึดมากนัก แต่หลังจากที่เข้าNMB48ฉันว่าฉันได้ความทรหดมาจากการซ้อมก่อนคอนเสิร์ตและก่อนขึ้นสเตจ 

แต่ไม่ใช่แค่ความอึดหรอกนะ ต้องมีใจที่แกร่งด้วยที่จะทำให้วิ่งฟูลมาราธอนได้สำเร็จ 
ฉันได้ยินมาแบบนี้เพราะงั้นก็เลยรู้สึกว่าต้องฝึกฝนเพิ่มความแข็งแกร่งของจิตใจขึ้นด้วย"



นักวิ่งหลายคนบอกว่าพวกเขาได้รับพลังจากเสียงเชียร์ของผู้คนริมถนน แล้วคุณรู้สึกว่าได้รับพลังจากเสียงเชียร์ของแฟนๆระหว่างงานของNMB48ตอนไหนบ้าง?

“จะได้เป็นพิเศษตอนที่ฉันกำลังหดหู่น่ะค่ะ คำพูดของแฟนๆมอบพลังให้ฉันจริงๆ รวมไปถึงที่ได้ยินกันต่อหน้าในงานจับมือด้วย เสียงเชียร์ของพวกเขาทำให้ฉันรู้สึกว่าต้องพยายามให้มากกว่านี้นะ เสียงตอบรับจากผู้คนที่ใส่ใจในตัวฉันมอบพลังให้ฉันค่ะ
เพราะนี่เป็นฟูลมาราธอนครั้งแรก มีหลายคนเลยที่พูดกับฉันว่า”ไหวจริงๆหรอ?”เพราะฉันเคยไม่ขึ้นแสดงที่เธียเตอร์หนึ่งเดือนเต็มๆในปีนี้เพราะอาการบาดเจ็บที่ขาและพวกเขาก็เป็นห่วงเรื่องนี้กันแต่ตอนนี้ฉันโอเคแล้วค่ะ
ได้รับคำแนะนำต่างๆมาจากคนที่เคยวิ่งฟูลมาราธอนมาเกี่ยวกับวิธีฝึกอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีหายใจตอนวิ่งและรวมถึงเรื่องอาหารการกินด้วย ฉันชอบไอศกรีมนะแต่พวกเขาพวกให้งดกินจะดีกว่า แล้วก็มีผู้คนมากมายที่คอยส่งข้อความให้กำลังใจมาให้ว่าพวกเขาหวังว่าฉันจะวิ่งฟูลมาราธอนได้สำเร็จ ทำให้ฉันมีกำลังใจขึ้นจริงๆค่ะ"

คุณรู้สึกยังไงกับบทบาทของคุณในฐานะนักวิ่งการกุศลเพื่อเรียกร้องความช่วยเหลือจากผู้คนในการบรรเทาทุกข์จากแผ่นดินไหวใหญ่เขตโทโฮคุ?

“เพราะนี่เป็นฟูลมาราธอนครั้งแรกทำให้มีหลายอย่างเลยที่รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แต่ฉันจะอยากจะแสดงให้ทุกคนเห็นว่าว่าฉันพัฒนาขึ้นจากการฝึกซ้อมและสามารถวิ่งฟูลมาราธอนได้ค่ะ ไม่ใช่ฉันที่วิ่งฟูลมาราธอนที่ได้ช่วยบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติโดยตรงก็จริงแต่หวังว่าที่ทำไปนี้จะช่วยส่งต่อพลังและความรู้สึกไปยังผู้คนได้ค่ะ
มีแฟนๆของพวกเราบางคนที่อยู่ในเขตภัยพิบัติ บางครั้งก็ได้ยินแฟนๆบอกว่าพวกเขามาจากเขตภัยพิบัติและฉันก็ได้จดหมายจากแฟนที่อาศัยอยู่ในอิวาเตะด้วยค่ะ ซึ่งเขียนไว้ว่า”กำลังลำบากกับการฟื้นฟูอยู่เลยล่ะ มีNMB48ที่คอยมอบพลังให้ทำต่อ” สตาฟจากเขตโทโฮคุครั้งนึงเคยพูดกับฉันว่า”หลังจากแผ่นดินไหวครั้งนั้น โลกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่องเลย..”ถึงจะยังไม่ได้ไปยังสถานที่จริงด้วยตัวเองก็เถอะแต่ก็ปวดใจมากตอนที่ได้เห็นผ่านโทรทัศน์
มีแฟนๆบางคนในโตเกียวบอกฉันว่า”จะมาโอซาก้าเพื่อให้กำลังใจในวันงานนะ”
ฉันก็เลยหวังว่าพวกเขาจะไม่ใช่แค่ส่งแรงใจให้ฉันแต่ส่งเพื่อการช่วยเหลือกุศลด้วยค่ะ อยากให้ความคิดนี้ค่อยๆส่งต่อไปยังจิตใจของผู้คนหลายๆคนนะ"

-คุณมีเพื่อนร่วมทีมที่พวกเขาก็เป็นทั้งคู่แข่งของคุณเช่นกัน มีอะไรที่เป็นจุดเหมือนกันระหว่างการเป็นNMB48กับการวิ่งฟูลมาราธอนไหม

“ถ้าอยู่ร่วมกับทุกคน คุณจะรู้ว่าจะได้พึ่งพากันและกันในหลายเรื่องมาก ตอนที่ฉันวิ่งกับคนอื่นๆเป็นครั้งแรกในRunning Campตอนเดือนกันยายนก็ค้นพบเรื่องนึงล่ะ วิ่งไปซักพักปกติฉันจะเริ่มเหนื่อยและเจ็บบริเวณท้องแต่พอมีคนอื่นวิ่งอยู่ด้วยกันทำให้ฉันรู้สึกสบายใจและเหนื่อยช้าลงเยอะเลย ทำให้อารมณ์เปลี่ยนไปเลยค่ะทำให้รู้สึกสนุกตอนได้วิ่ง และต่อให้หยุดวิ่งก็ยังรู้สึกว่ายังไปต่อได้นะถ้ามึคนคอยพูดคุยและให้กำลังใจฉัน อยากจะเข้าร่วมงานนี้ด้วยทัศนคติที่ว่าถ้าทำได้ก็จะพยายามพูดคุยกับคนอื่นค่ะ

สุดท้ายนี้ลองพูดอะไรที่แสดงความตั้งใจหน่อยสิ

“เข้าร่วมฟูลมาราธอนก็เรื่องนึง แต่บรรลุจุดมุ่งหมายก็เป็นอีกเรื่อง ฉันว่าฉันน่าจะยกระดับขึ้นอีกเพราะงั้นก็เลยตั้งเป้าหมายกับตัวเองไว้ว่าต้องวิ่งมาราธอนให้ได้ใน5ชั่วโมงครึ่ง และเพราะพูดไว้แบบนั้นก็เลยอยากจะรักษาคำพูดและทำตามเวลาที่ตั้งไว้ให้ได้ จะพยายามอย่างดีที่สุดให้บรรลุจุดมุ่งหมายของฉันเองค่ะ ถึงฉันจะไม่ใช่คนที่จิตใจเข้มแข็งเท่าไหร่แต่ก็อยากจะชดเชยมันด้วยความพยายามและอยากเข้าร่วมงานนี้ด้วยจิตใจที่มั่นคงที่สุดเท่าที่จะทำได้ คุณปู่เป็นห่วงฉันนิดหน่อยแต่พ่อแม่ก็ให้การสนับสนุน อยากจะใช้โอกาสนี้เพื่อพัฒนาตัวเองเป็นไอดอลที่สามารถเล่นกีฬาได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ

เครดิต : http://www.akb48wrapup.com/2012/10/nmb48-fukumoto-aina-interview-on-her-first-full-marathon-as-a-charity-runner-at-osaka-marathon/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น